รับเหมาทำพื้นอีพ็อกซี่ EPOXY ราคาถูกอุดรธานี พื้นอีพ็อกซี่เป็นวัสดุปูพื้นที่ได้รับความนิยมในปัจจุบัน เนื่องจากมีคุณสมบัติที่โดดเด่นหลายประการ เช่น แข็งแรง ทนทาน ทนต่อสารเคมี ทนต่อความชื้น และทำความสะอาดง่าย จึงนิยมใช้กันทั้งในโรงงานอุตสาหกรรม อาคารพาณิชย์ และที่พักอาศัย
หากท่านกำลังมองหาบริการรับเหมาทำพื้นอีพ็อกซี่ EPOXY ราคาถูกอุดรธานี มีคุณภาพ และบริการดีเยี่ยม ทางเรายินดีให้บริการด้วยทีมงานช่างมืออาชีพที่มีประสบการณ์กว่า 10 ปี พร้อมให้คำปรึกษาและประเมินราคาฟรี
เราเลือกใช้วัสดุคุณภาพสูงจากแบรนด์ชั้นนำ รับประกันคุณภาพงาน 100% มั่นใจได้ว่าท่านจะได้รับพื้นอีพ็อกซี่ที่แข็งแรง ทนทาน ใช้งานได้ยาวนานอย่างแน่นอน
รับเหมาทำพื้นอีพ็อกซี่ EPOXY ราคาถูกแถวกาฬสินธุ์
ติดต่อสอบถามทำพื้น EPOXY ปรึกษา ฟรี !!
ระบบพื้นอีพ็อกซี่ (Eproxy) คืออะไร ?
พื้นอีพ็อกซี่ (Epoxy) คือระบบพื้นเคลือบด้วยสีอีพ็อกซี่ ซึ่งเป็นสารสังเคราะห์ที่เกิดจากการรวมตัวกันของอีพ็อกซี่เรซินและโพลีเอไมด์ เมื่อผสมกันจะทำให้เกิดปฏิกิริยาเคมีและกลายเป็นฟิล์มแข็งที่มีความแข็งแรง ทนทาน ทนต่อสารเคมี ทนต่อความชื้น และสามารถตกแต่งได้หลากหลายรูปแบบ
แบ่งได้ 2 ชนิดคือ
-
- พื้นอีพ็อกซี่แบบเท (Epoxy Self-Leveling) เป็นระบบพื้นอีพ็อกซี่ที่มีลักษณะเป็นน้ำใส เมื่อเทลงบนพื้นคอนกรีตจะค่อยๆ กระจายตัวจนเรียบเนียน เหมาะสำหรับพื้นที่ต้องการความสม่ำเสมอและสวยงาม เช่น พื้นที่โชว์รูม โรงงานอุตสาหกรรม
-
- พื้นอีพ็อกซี่แบบทา (Epoxy Coating) เป็นระบบพื้นอีพ็อกซี่ที่มีลักษณะเป็นสีเคลือบ เมื่อทาลงบนพื้นคอนกรีตจะให้ความหนาประมาณ 0.3-2 มิลลิเมตร เหมาะสำหรับพื้นที่ต้องการความทนทานและสามารถทนต่อแรงกระแทกได้ เช่น พื้นที่โรงงานอุตสาหกรรม ลานจอดรถ
ระบบพื้นอีพ็อกซี่มีข้อดีหลายประการ ดังนี้
แข็งแรง ทนทาน ทนต่อสารเคมี ทนต่อความชื้น ทำความสะอาดง่าย ตกแต่งได้หลากหลายรูปแบบ ระบบพื้นอีพ็อกซี่จึงนิยมใช้กันทั้งในโรงงานอุตสาหกรรม อาคารพาณิชย์ และที่พักอาศัย เหมาะสำหรับพื้นที่ที่ต้องการความแข็งแรง ทนทาน และสามารถทำความสะอาดได้ง่าย
ผลงานของเรา >>>> คลิ๊กดูได้อุดรธานี
การติดตั้งพื้นอีพ็อกซี่และสีทาอีพ็อกซี่ (Installation of epoxy floor)
พื้นอีพ็อกซี่และสีทาอีพ็อกซี่เป็นวัสดุปูพื้นที่ได้รับความนิยมในปัจจุบัน เนื่องจากมีคุณสมบัติที่โดดเด่นหลายประการ เช่น แข็งแรง ทนทาน ทนต่อสารเคมี ทนต่อความชื้น และทำความสะอาดง่าย จึงนิยมใช้กันทั้งในโรงงานอุตสาหกรรม อาคารพาณิชย์ และที่พักอาศัย
การติดตั้งพื้นอีพ็อกซี่และสีทาอีพ็อกซี่มีขั้นตอนที่ค่อนข้างซับซ้อน ดังนั้นจึงควรทำโดยช่างผู้ชำนาญการ แต่หากต้องการทำด้วยตัวเองก็สามารถศึกษาขั้นตอนและปฏิบัติตามคำแนะนำอย่างเคร่งครัด เพื่อให้ได้พื้นอีพ็อกซี่และสีทาอีพ็อกซี่ที่มีคุณภาพและใช้งานได้ยาวนาน
การเตรียมพื้นผิว
การเตรียมพื้นผิวเป็นขั้นตอนที่สำคัญที่สุดในการการติดตั้งพื้นอีพ็อกซี่และสีทาอีพ็อกซี่ เนื่องจากพื้นผิวที่เตรียมไม่ดีจะส่งผลให้พื้นอีพ็อกซี่และสีทาอีพ็อกซี่ไม่ยึดเกาะได้ดี และอาจเกิดปัญหาต่างๆ เช่น บวม พอง หลุดร่อน เป็นต้น
พื้นผิวที่เหมาะสำหรับการติดตั้งพื้นอีพ็อกซี่และสีทาอีพ็อกซี่ควรเป็นพื้นคอนกรีตที่แข็งแรง สะอาด แห้งสนิท และมีความชื้นไม่เกิน 10-15% หากพื้นผิวคอนกรีตมีรอยแตกร้าวหรือเสียหาย ควรทำการซ่อมแซมให้เรียบร้อยก่อนการติดตั้งพื้นอีพ็อกซี่และสีทาอีพ็อกซี่
ขั้นตอนการตรวจสอบพื้นผิวคอนกรีตก่อนการติดตั้งพื้นอีพ็อกซี่และสีทาอีพ็อกซี่ มีดังนี้
-
- ตรวจสอบความแข็งแรงของพื้นคอนกรีต โดยการใช้ค้อนเคาะพื้น หากพื้นคอนกรีตมีเสียงทึบแสดงว่าพื้นมีความแข็งแรง หากพื้นคอนกรีตมีเสียงดังแสดงว่าพื้นมีความเปราะและอาจแตกร้าวได้
-
- ตรวจสอบรอยร้าวของพื้นคอนกรีต โดยการใช้ไม้กวาดหรือลูกกลิ้งเหล็กลากไปบนพื้น หากพบว่ามีรอยร้าว ควรทำการซ่อมแซมด้วยวัสดุซ่อมแซมรอยร้าวคอนกรีต
-
- ตรวจสอบความเรียบของพื้นคอนกรีต โดยการใช้ระดับน้ำตรวจสอบ หากพบว่าพื้นมีความขรุขระ ควรทำการขัดพื้นคอนกรีตให้เรียบด้วยเครื่องขัดพื้นคอนกรีต
-
- ตรวจสอบความชื้นของพื้นคอนกรีต โดยการใช้เครื่องวัดความชื้น หากพบว่าพื้นคอนกรีตมีความชื้นเกิน 10-15% ควรทำการอบพื้นคอนกรีตให้แห้งสนิท
การซ่อมแซมพื้นคอนกรีต
หากพื้นคอนกรีตมีรอยร้าวหรือเสียหาย ควรทำการซ่อมแซมให้เรียบร้อยก่อนการติดตั้งพื้นอีพ็อกซี่และสีทาอีพ็อกซี่ ประเภทของวัสดุซ่อมแซมรอยร้าวคอนกรีตที่นิยมใช้กัน ได้แก่
-
- ปูนฉาบคอนกรีต
-
- อีพ็อกซี่เรซิน
-
- โพลียูรีเทน
ขั้นตอนการซ่อมแซมรอยร้าวของพื้นคอนกรีต มีดังนี้
-
- ทำความสะอาดพื้นคอนกรีตบริเวณรอยร้าวให้สะอาด
-
- ขยายรอยร้าวให้กว้างประมาณ 1 ซม. ลึกประมาณ 2 ซม.
-
- ทำความสะอาดภายในรอยร้าวให้สะอาดอีกครั้ง
-
- เทวัสดุซ่อมแซมรอยร้าวคอนกรีตลงในรอยร้าว
-
- เกลี่ยวัสดุซ่อมแซมรอยร้าวให้เรียบเสมอกันกับพื้นคอนกรีต
การติดตั้งน้ำยารองพื้น
น้ำยารองพื้นเป็นวัสดุที่ช่วยเพิ่มการยึดเกาะของพื้นอีพ็อกซี่และสีทาอีพ็อกซี่กับพื้นคอนกรีต ประเภทของน้ำยารองพื้นที่นิยมใช้กัน ได้แก่
-
- น้ำยารองพื้นอีพ็อกซี่
-
- น้ำยารองพื้นโพลียูรีเทน
ขั้นตอนการการติดตั้งน้ำยารองพื้น มีดังนี้
-
- ทำความสะอาดพื้นคอนกรีตให้สะอาดอีกครั้ง
-
- ผสมน้ำยารองพื้นตามอัตราส่วนที่กำหนด
-
- ทาน้ำยารองพื้นลงบนพื้นคอนกรีตให้ทั่ว
-
- ทิ้งให้น้ำยารองพื้นแห้งสนิทตามระยะเวลาที่กำหนด
การติดตั้งพื้นอีพ็อกซี่แบบเท (Epoxy self leveling)
พื้นอีพ็อกซี่แบบเทเป็นระบบพื้นอีพ็อกซี่ที่มีลักษณะเป็นน้ำใส เมื่อเทลงบนพื้นคอนกรีตจะค่อยๆ กระจายตัวจนเรียบเนียน เหมาะสำหรับพื้นที่ต้องการความสม่ำเสมอและสวยงาม เช่น พื้นที่โชว์รูม โรงงานอุตสาหกรรม
ขั้นตอนการการติดตั้งพื้นอีพ็อกซี่แบบเท มีดังนี้
-
- ทำความสะอาดพื้นคอนกรีตให้สะอาดอีกครั้ง
-
- ผสมพื้นอีพ็อกซี่ตามอัตราส่วนที่กำหนด
-
- เทพื้นอีพ็อกซี่ลงบนพื้นคอนกรีต
-
- เกลี่ยพื้นอีพ็อกซี่ให้เรียบเนียน
-
- ทิ้งให้พื้นอีพ็อกซี่แห้งสนิทตามระยะเวลาที่กำหนด
ขั้นตอนที่ 1: ทำความสะอาดพื้นคอนกรีต
ขั้นตอนนี้มีความสำคัญมาก เนื่องจากพื้นผิวที่เตรียมไม่ดีจะส่งผลให้พื้นอีพ็อกซี่ไม่ยึดเกาะได้ดีและอาจเกิดปัญหาต่างๆ เช่น บวม พอง หลุดร่อน เป็นต้น
ให้ใช้เครื่องขัดพื้นคอนกรีตขัดพื้นคอนกรีตให้สะอาด โดยขัดให้ทั่วทั้งพื้นที่และขัดให้พื้นคอนกรีตเรียบเนียน
ขั้นตอนที่ 2: ผสมพื้นอีพ็อกซี่
ให้ปฏิบัติตามคำแนะนำของผู้ผลิตอย่างเคร่งครัด ห้ามผสมพื้นอีพ็อกซี่ในปริมาณที่มากเกินไป เพราะอาจทำให้พื้นอีพ็อกซี่แข็งตัวเร็วเกินไปและไม่สามารถเกลี่ยให้เรียบเนียนได้
ขั้นตอนที่ 3: เทพื้นอีพ็อกซี่
ให้เทพื้นอีพ็อกซี่ลงบนพื้นคอนกรีตให้ทั่ว โดยเทพื้นอีพ็อกซี่เป็นบริเวณกว้างๆ เพื่อให้พื้นอีพ็อกซี่กระจายตัวได้อย่างทั่วถึง
ขั้นตอนที่ 4: เกลี่ยพื้นอีพ็อกซี่
ให้ใช้ลูกกลิ้งหรือไม้ปาดเกลี่ยพื้นอีพ็อกซี่ให้เรียบเนียน โดยเกลี่ยพื้นอีพ็อกซี่เป็นบริเวณกว้างๆ เพื่อให้พื้นอีพ็อกซี่กระจายตัวได้อย่างทั่วถึง
ขั้นตอนที่ 5: ทิ้งให้พื้นอีพ็อกซี่แห้งสนิท
ให้ทิ้งให้พื้นอีพ็อกซี่แห้งสนิทตามระยะเวลาที่กำหนด โดยปกติแล้วพื้นอีพ็อกซี่จะแห้งสนิทภายใน 24 ชั่วโมง
การติดตั้งพื้นอีพ็อกซี่แบบทา (Epoxy Coating)
พื้นอีพ็อกซี่แบบทาเป็นระบบพื้นอีพ็อกซี่ที่มีลักษณะเป็นสีเคลือบ เมื่อทาลงบนพื้นคอนกรีตจะให้ความหนาประมาณ 0.3-2 มิลลิเมตร เหมาะสำหรับพื้นที่ต้องการความทนทานและสามารถทนต่อแรงกระแทกได้ เช่น พื้นที่โรงงานอุตสาหกรรม ลานจอดรถ
ขั้นตอนการการติดตั้งพื้นอีพ็อกซี่แบบทา มีดังนี้
1.เตรียมพื้นผิว
ขั้นตอนนี้มีความสำคัญมาก เนื่องจากพื้นผิวที่เตรียมไม่ดีจะส่งผลให้พื้นอีพ็อกซี่ไม่ยึดเกาะได้ดีและอาจเกิดปัญหาต่างๆ เช่น บวม พอง หลุดร่อน เป็นต้น
ให้ตรวจสอบพื้นผิวคอนกรีตก่อนการติดตั้งพื้นอีพ็อกซี่แบบทา ดังนี้
-
- ตรวจสอบความแข็งแรงของพื้นคอนกรีต โดยการใช้ค้อนเคาะพื้น หากพื้นคอนกรีตมีเสียงทึบแสดงว่าพื้นมีความแข็งแรง หากพื้นคอนกรีตมีเสียงดังแสดงว่าพื้นมีความเปราะและอาจแตกร้าวได้
-
- ตรวจสอบรอยร้าวของพื้นคอนกรีต โดยการใช้ไม้กวาดหรือลูกกลิ้งเหล็กลากไปบนพื้น หากพบว่ามีรอยร้าว ควรทำการซ่อมแซมด้วยวัสดุซ่อมแซมรอยร้าวคอนกรีต
-
- ตรวจสอบความเรียบของพื้นคอนกรีต โดยการใช้ระดับน้ำตรวจสอบ หากพบว่าพื้นมีความขรุขระ ควรทำการขัดพื้นคอนกรีตให้เรียบด้วยเครื่องขัดพื้นคอนกรีต
-
- ตรวจสอบความชื้นของพื้นคอนกรีต โดยการใช้เครื่องวัดความชื้น หากพบว่าพื้นคอนกรีตมีความชื้นเกิน 10-15% ควรทำการอบพื้นคอนกรีตให้แห้งสนิท
หากพบว่าพื้นคอนกรีตมีรอยร้าวหรือเสียหาย ควรทำการซ่อมแซมให้เรียบร้อยก่อนการติดตั้งพื้นอีพ็อกซี่แบบทา
2. ติดตั้งน้ำยารองพื้น
น้ำยารองพื้นเป็นวัสดุที่ช่วยเพิ่มการยึดเกาะของพื้นอีพ็อกซี่กับพื้นคอนกรีต ประเภทของน้ำยารองพื้นที่นิยมใช้กัน ได้แก่
-
- น้ำยารองพื้นอีพ็อกซี่
-
- น้ำยารองพื้นโพลียูรีเทน
ให้ปฏิบัติตามคำแนะนำของผู้ผลิตอย่างเคร่งครัด ห้ามผสมน้ำยารองพื้นในปริมาณที่มากเกินไป เพราะอาจทำให้พื้นอีพ็อกซี่แข็งตัวเร็วเกินไปและไม่สามารถเกลี่ยให้เรียบเนียนได้
3. ทาสีพื้นอีพ็อกซี่
ให้ทาสีพื้นอีพ็อกซี่ 2-3 ชั้น โดยทาชั้นแรกทิ้งให้แห้งสนิทก่อนทาชั้นต่อไป โดยปกติแล้วสีพื้นอีพ็อกซี่จะแห้งสนิทภายใน 24 ชั่วโมง
ขั้นตอนการทาสีพื้นอีพ็อกซี่
-
- ทาสีพื้นอีพ็อกซี่ชั้นแรกให้ทั่วพื้น โดยทาเป็นบริเวณกว้างๆ เพื่อให้สีพื้นอีพ็อกซี่กระจายตัวได้อย่างทั่วถึง
-
- ทิ้งให้สีพื้นอีพ็อกซี่ชั้นแรกแห้งสนิทตามระยะเวลาที่กำหนด
-
- ทาสีพื้นอีพ็อกซี่ชั้นที่สอง โดยทาทับบริเวณรอยต่อของชั้นแรก
-
- ทิ้งให้สีพื้นอีพ็อกซี่ชั้นที่สองแห้งสนิทตามระยะเวลาที่กำหนด
-
- ทาสีพื้นอีพ็อกซี่ชั้นที่สาม (หากต้องการ)
การติดตั้งพื้นอีพ็อกซี่อื่นๆ
-
- พื้นอีพ็อกซี่แบบแผ่น (Sheet Epoxy) เป็นระบบพื้นอีพ็อกซี่ที่มีลักษณะเป็นแผ่น เมื่อวางลงบนพื้นคอนกรีตจะยึดติดกับพื้นคอนกรีตด้วยกาวอีพ็อกซี่
-
- พื้นอีพ็อกซี่แบบคอมโพสิต (Composite Epoxy) เป็นระบบพื้นอีพ็อกซี่ที่เกิดจากการผสมผสานระหว่างพื้นอีพ็อกซี่แบบเทและแบบแผ่น
การเลือกรูปแบบการติดตั้งพื้นอีพ็อกซี่ที่เหมาะสมนั้น ขึ้นอยู่กับปัจจัยต่างๆ เช่น ลักษณะการใช้งานของพื้นที่ งบประมาณ และความต้องการของผู้ใช้งาน
รับเหมาทำพื้นอีพ็อกซี่ EPOXY ราคาถูกแถวกาฬสินธุ์
ข้อดีของการใช้งานของระบบพื้นอีพ็อกซี่
ข้อดีของการใช้งานของระบบพื้นอีพ็อกซี่ สรุปได้ดังนี้
1. แข็งแรง ทนทาน
พื้นอีพ็อกซี่มีความแข็งแรงทนทานสูง สามารถรองรับน้ำหนักได้ดี ทนต่อแรงกระแทก ทนต่อการสึกหรอ และทนต่อการกัดกร่อนของสารเคมีต่างๆ
2. ทนต่อสารเคมี
พื้นอีพ็อกซี่สามารถทนต่อสารเคมีต่างๆ เช่น กรด ด่าง น้ำมัน สารละลายต่างๆ ได้ดี จึงเหมาะสำหรับการใช้งานในโรงงานอุตสาหกรรมที่ต้องใช้สารเคมี
3. ทนต่อความชื้น
พื้นอีพ็อกซี่สามารถทนต่อความชื้นได้ดี จึงเหมาะสำหรับการใช้งานในบริเวณที่มีความชื้นสูง เช่น โรงงานอุตสาหกรรมผลิตอาหาร โรงงานอุตสาหกรรมผลิตเครื่องดื่ม
4. ทำความสะอาดง่าย
พื้นอีพ็อกซี่สามารถทำความสะอาดได้ง่ายด้วยน้ำสะอาดและน้ำยาทำความสะอาดสำหรับพื้นอีพ็อกซี่ จึงเหมาะสำหรับการใช้งานในบริเวณที่ต้องการความสะอาด
5. ตกแต่งได้หลากหลายรูปแบบ
พื้นอีพ็อกซี่สามารถตกแต่งได้หลากหลายรูปแบบ เช่น พิมพ์ลาย ฝังหินหรือโลหะบนพื้น จึงทำให้พื้นดูสวยงามและโดดเด่น
เครื่องมือ อุปกรณ์ทั่วไป ทำสำหรับทำพื้น Epoxy
ในการทำพื้น Epoxy จำเป็นต้องใช้เครื่องมือและอุปกรณ์ต่างๆ ดังนี้
1. เครื่องขัดพื้นคอนกรีต
เครื่องขัดพื้นคอนกรีต เป็นเครื่องมือและอุปกรณ์ที่สำคัญอย่างหนึ่งในการทำพื้น Epoxy เนื่องจากพื้นคอนกรีตที่เรียบเนียนจะช่วยเพิ่มการยึดเกาะของพื้น Epoxy และทำให้พื้นดูสวยงาม
เครื่องขัดพื้นคอนกรีตมีให้เลือกหลายประเภท ขึ้นอยู่กับขนาดของพื้นที่ที่ต้องการขัดและระดับความเรียบที่ต้องการ โดยเครื่องขัดพื้นคอนกรีตที่นิยมใช้กัน ได้แก่
-
- เครื่องขัดพื้นคอนกรีตแบบเดินตาม เหมาะสำหรับการขัดพื้นคอนกรีตในพื้นที่ขนาดเล็กหรือพื้นที่ที่มีรูปร่างไม่สม่ำเสมอ
-
- เครื่องขัดพื้นคอนกรีตแบบนั่งขับ เหมาะสำหรับการขัดพื้นคอนกรีตในพื้นที่ขนาดใหญ่หรือพื้นที่ที่มีรูปร่างสม่ำเสมอ เครื่องขัดพื้นคอนกรีตทำงานโดยใช้แผ่นขัดหมุนด้วยความเร็วสูง ซึ่งแผ่นขัดนั้นสามารถเปลี่ยนได้ตามระดับความเรียบที่ต้องการ โดยแผ่นขัดที่นิยมใช้กัน ได้แก่
แผ่นขัดแบบหยาบ ใช้สำหรับขัดพื้นคอนกรีตให้เรียบในระดับเริ่มต้น แผ่นขัดแบบละเอียด ใช้สำหรับขัดพื้นคอนกรีตให้เรียบในระดับที่ต้องการ
ขั้นตอนการขัดพื้นคอนกรีตด้วยเครื่องขัดพื้นคอนกรีต มีดังนี้
1.ทำความสะอาดพื้นคอนกรีตให้สะอาด โดยขูดเอาเศษวัสดุต่างๆ ออกให้หมด
2.ปรับระดับพื้นคอนกรีตให้เรียบโดยใช้เครื่องปาดพื้นคอนกรีต
3.ติดตั้งแผ่นขัดเข้ากับเครื่องขัดพื้นคอนกรีต
4.ปรับความเร็วของเครื่องขัดพื้นคอนกรีตให้เหมาะสม
5.ขัดพื้นคอนกรีตให้ทั่วถึง โดยขัดเป็นบริเวณกว้างๆ เพื่อให้แผ่นขัดกระจายตัวได้อย่างทั่วถึง
6.ตรวจสอบความเรียบของพื้นคอนกรีต หากพื้นคอนกรีตยังไม่เรียบเนียน อาจปรับระดับความเร็วของเครื่องขัดพื้นคอนกรีตหรือเปลี่ยนแผ่นขัดเป็นแผ่นขัดชนิดอื่น
นอกจากนี้ ยังมีเทคนิคการขัดพื้นคอนกรีตอื่นๆ เพิ่มเติม เช่น
-
- การขัดแบบวนขวาและวนซ้ายสลับกัน จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการขัดพื้นคอนกรีต
-
- การขัดแบบลากจูง จะช่วยขจัดคราบสกปรกและสิ่งสกปรกต่างๆ ออกจากพื้นคอนกรีต
-
- การขัดแบบกดทับ จะช่วยเพิ่มระดับความเรียบของพื้นคอนกรีต การเลือกเครื่องขัดพื้นคอนกรีตที่เหมาะสมนั้น ขึ้นอยู่กับปัจจัยต่างๆ เช่น ขนาดของพื้นที่ที่ต้องการขัด ระดับความเรียบที่ต้องการ และงบประมาณ
2. เครื่องยิงเม็ดลูกเหล็ก
เครื่องยิงเม็ดลูกเหล็ก เป็นเครื่องมือและอุปกรณ์ที่ช่วยในการขัดพื้นคอนกรีตให้เรียบเนียน โดยหลักการของเครื่องยิงเม็ดลูกเหล็กคือการใช้ลมอัดยิงเม็ดลูกเหล็กขนาดเล็กลงบนพื้นคอนกรีต แรงกระแทกของเม็ดลูกเหล็กจะช่วยขจัดคราบสกปรกและสิ่งสกปรกต่างๆ ออกจากพื้นคอนกรีต และทำให้พื้นคอนกรีตเรียบเนียนขึ้น
เครื่องยิงเม็ดลูกเหล็กมีให้เลือกหลายประเภท ขึ้นอยู่กับขนาดของพื้นที่ที่ต้องการยิงและระดับความเรียบที่ต้องการ โดยเครื่องยิงเม็ดลูกเหล็กที่นิยมใช้กัน ได้แก่
-
- เครื่องยิงเม็ดลูกเหล็กแบบเดินตาม เหมาะสำหรับการยิงพื้นคอนกรีตในพื้นที่ขนาดเล็กหรือพื้นที่ที่มีรูปร่างไม่สม่ำเสมอ
-
- เครื่องยิงเม็ดลูกเหล็กแบบนั่งขับ เหมาะสำหรับการยิงพื้นคอนกรีตในพื้นที่ขนาดใหญ่หรือพื้นที่ที่มีรูปร่างสม่ำเสมอ
ขั้นตอนการยิงพื้นคอนกรีตด้วยเครื่องยิงเม็ดลูกเหล็ก มีดังนี้
-
- ทำความสะอาดพื้นคอนกรีตให้สะอาด โดยขูดเอาเศษวัสดุต่างๆ ออกให้หมด
-
- ปรับระดับพื้นคอนกรีตให้เรียบโดยใช้เครื่องปาดพื้นคอนกรีต
-
- ติดตั้งอุปกรณ์ยิงเม็ดลูกเหล็กเข้ากับเครื่องยิงเม็ดลูกเหล็ก
-
- ปรับความเร็วของเครื่องยิงเม็ดลูกเหล็กให้เหมาะสม
-
- ยิงเม็ดลูกเหล็กลงบนพื้นคอนกรีตให้ทั่วถึง โดยยิงเป็นบริเวณกว้างๆ เพื่อให้เม็ดลูกเหล็กกระจายตัวได้อย่างทั่วถึง
-
- ตรวจสอบความเรียบของพื้นคอนกรีต หากพื้นคอนกรีตยังไม่เรียบเนียน อาจปรับระดับความเร็วของเครื่องยิงเม็ดลูกเหล็กหรือเปลี่ยนเม็ดลูกเหล็กเป็นขนาดอื่น
นอกจากนี้ ยังมีเทคนิคการยิงพื้นคอนกรีตด้วยเครื่องยิงเม็ดลูกเหล็กอื่นๆ เพิ่มเติม เช่น
-
- การยิงแบบวนขวาและวนซ้ายสลับกัน จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการยิงพื้นคอนกรีต
-
- การยิงแบบลากจูง จะช่วยขจัดคราบสกปรกและสิ่งสกปรกต่างๆ ออกจากพื้นคอนกรีต
-
- การยิงแบบกดทับ จะช่วยเพิ่มระดับความเรียบของพื้นคอนกรีต
การเลือกเครื่องยิงเม็ดลูกเหล็กที่เหมาะสมนั้น ขึ้นอยู่กับปัจจัยต่างๆ เช่น ขนาดของพื้นที่ที่ต้องการยิง ระดับความเรียบที่ต้องการ และงบประมาณ
ประโยชน์ของการใช้เครื่องยิงเม็ดลูกเหล็กในการขัดพื้นคอนกรีต
การใช้เครื่องยิงเม็ดลูกเหล็กในการขัดพื้นคอนกรีตมีประโยชน์ดังนี้
-
- ช่วยขจัดคราบสกปรกและสิ่งสกปรกต่างๆ ออกจากพื้นคอนกรีตได้อย่างมีประสิทธิภาพ
-
- ช่วยทำให้พื้นคอนกรีตเรียบเนียนขึ้น
-
- ช่วยเพิ่มการยึดเกาะของพื้น Epoxy
ข้อควรระวังในการใช้เครื่องยิงเม็ดลูกเหล็ก
การใช้เครื่องยิงเม็ดลูกเหล็กควรปฏิบัติตามคำแนะนำของผู้ผลิตอย่างเคร่งครัด เพื่อความปลอดภัยในการปฏิบัติงานและเพื่อป้องกันความเสียหายต่อพื้นคอนกรีต โดยข้อควรระวังในการใช้เครื่องยิงเม็ดลูกเหล็ก มีดังนี้
-
- ควรสวมอุปกรณ์ป้องกันความปลอดภัย เช่น แว่นตานิรภัย ถุงมือ และรองเท้านิรภัย
-
- ควรปรับความเร็วของเครื่องยิงเม็ดลูกเหล็กให้เหมาะสมกับขนาดของเม็ดลูกเหล็ก
-
- ควรยิงเม็ดลูกเหล็กเป็นบริเวณกว้างๆ เพื่อให้เม็ดลูกเหล็กกระจายตัวได้อย่างทั่วถึง
-
- ควรตรวจสอบความเรียบของพื้นคอนกรีตเป็นระยะๆ หากพื้นคอนกรีตยังไม่เรียบเนียน อาจปรับระดับความเร็วของเครื่องยิงเม็ดลูกเหล็กหรือเปลี่ยนเม็ดลูกเหล็กเป็นขนาดอื่น
3. เครื่องวัดความชื้น
เครื่องวัดความชื้น เป็นเครื่องมือและอุปกรณ์ที่ใช้ในการวัดปริมาณความชื้นในวัสดุต่างๆ เช่น ไม้ คอนกรีต ดิน อาหาร เป็นต้น
เครื่องวัดความชื้นมีหลักการทำงานแตกต่างกันไปตามประเภทของเครื่องวัดความชื้น โดยเครื่องวัดความชื้นที่นิยมใช้กัน ได้แก่
-
- เครื่องวัดความชื้นแบบเข็ม ใช้หลักการวัดความต้านทานไฟฟ้าของวัสดุต่อความชื้น
-
- เครื่องวัดความชื้นแบบคลื่นเสียง ใช้หลักการวัดความเร็วของคลื่นเสียงที่เดินทางผ่านวัสดุ
-
- เครื่องวัดความชื้นแบบอินฟราเรด ใช้หลักการวัดการดูดกลืนรังสีอินฟราเรดของวัสดุ
เครื่องวัดความชื้นแบบเข็มเป็นที่นิยมใช้กันมากที่สุด เนื่องจากมีราคาถูกและใช้งานง่าย โดยเครื่องวัดความชื้นแบบเข็มจะประกอบด้วยเข็มขนาดเล็กที่เจาะเข้าไปในวัสดุที่ต้องการวัดความชื้น จากนั้นเข็มจะวัดความต้านทานไฟฟ้าของวัสดุต่อความชื้น และแปลงค่าความต้านทานไฟฟ้าเป็นค่าความชื้น
การใช้เครื่องวัดความชื้นเพื่อตรวจสอบความชื้นของพื้นคอนกรีตก่อนการติดตั้งพื้น Epoxy มีความสำคัญ เนื่องจากพื้นคอนกรีตที่มีความชื้นสูงอาจทำให้พื้น Epoxy หลุดร่อนได้ โดยพื้นคอนกรีตควรมีความชื้นไม่เกิน 10-15% หากพื้นคอนกรีตมีความชื้นสูง ควรทำการอบพื้นคอนกรีตให้แห้งสนิทก่อนการติดตั้งพื้น Epoxy
ข้อควรระวังในการใช้เครื่องวัดความชื้น
การใช้เครื่องวัดความชื้นควรปฏิบัติตามคำแนะนำของผู้ผลิตอย่างเคร่งครัด เพื่อความปลอดภัยในการปฏิบัติงานและเพื่อป้องกันความเสียหายต่อวัสดุ โดยข้อควรระวังในการใช้เครื่องวัดความชื้น มีดังนี้
-
- ควรเลือกใช้เครื่องวัดความชื้นที่เหมาะสมกับวัสดุที่ต้องการวัดความชื้น
-
- ควรทำความสะอาดเครื่องวัดความชื้นให้สะอาดก่อนและหลังใช้งาน
-
- ควรเก็บรักษาเครื่องวัดความชื้นในที่แห้งและปลอดภัย
ประเภทของเครื่องวัดความชื้น
เครื่องวัดความชื้นสามารถแบ่งออกเป็นประเภทต่างๆ ตามหลักการทำงานได้ดังนี้
-
- เครื่องวัดความชื้นแบบเข็ม (Pin-Type Moisture Meter) ใช้หลักการวัดความต้านทานไฟฟ้าของวัสดุต่อความชื้น โดยเข็มขนาดเล็กจะเจาะเข้าไปในวัสดุที่ต้องการวัดความชื้น จากนั้นเข็มจะวัดความต้านทานไฟฟ้าของวัสดุต่อความชื้น และแปลงค่าความต้านทานไฟฟ้าเป็นค่าความชื้น
-
- เครื่องวัดความชื้นแบบคลื่นเสียง (Sonic Moisture Meter) ใช้หลักการวัดความเร็วของคลื่นเสียงที่เดินทางผ่านวัสดุ โดยคลื่นเสียงจะเดินทางผ่านวัสดุที่ต้องการวัดความชื้น จากนั้นเครื่องวัดความชื้นจะวัดความเร็วของคลื่นเสียงที่เดินทางผ่านวัสดุ และแปลงค่าความเร็วของคลื่นเสียงเป็นค่าความชื้น
-
- เครื่องวัดความชื้นแบบอินฟราเรด (Infrared Moisture Meter) ใช้หลักการวัดการดูดกลืนรังสีอินฟราเรดของวัสดุ โดยเครื่องวัดความชื้นจะปล่อยรังสีอินฟราเรดไปยังวัสดุที่ต้องการวัดความชื้น จากนั้นเครื่องวัดความชื้นจะวัดการดูดกลืนรังสีอินฟราเรดของวัสดุ และแปลงค่าการดูดกลืนรังสีอินฟราเรดเป็นค่าความชื้น
-
- เครื่องวัดความชื้นแบบคาปาซิเตนซ์ (Capacitance Moisture Meter) ใช้หลักการวัดค่าความจุไฟฟ้าของวัสดุต่อความชื้น โดยแผ่นโลหะขนาดเล็กจะสัมผัสกับวัสดุที่ต้องการวัดความชื้น จากนั้นเครื่องวัดความชื้นจะวัดค่าความจุไฟฟ้าของวัสดุต่อความชื้น และแปลงค่าความจุไฟฟ้าเป็นค่าความชื้น
-
- เครื่องวัดความชื้นแบบเทอร์โมอิเล็กทริก (Thermocouple Moisture Meter) ใช้หลักการวัดความแตกต่างของอุณหภูมิระหว่างวัสดุและอากาศ โดยเครื่องวัดความชื้นจะวัดความแตกต่างของอุณหภูมิระหว่างวัสดุและอากาศ และแปลงค่าความแตกต่างของอุณหภูมิเป็นค่าความชื้น
4. เครื่องผสมสี
เครื่องผสมสี เป็นเครื่องมือและอุปกรณ์ที่ใช้ในการผสมสี Epoxy ให้เข้ากันเป็นอย่างดี เพื่อป้องกันการเกิดฟองอากาศในสี Epoxy ซึ่งอาจทำให้พื้น Epoxy เกิดความไม่สม่ำเสมอและเสียหายได้
เครื่องผสมสีมีให้เลือกหลายประเภท ขึ้นอยู่กับขนาดของปริมาณสีที่ต้องการผสมและระดับความสม่ำเสมอที่ต้องการ โดยเครื่องผสมสีที่นิยมใช้กัน ได้แก่
-
- เครื่องผสมสีแบบไฟฟ้า เหมาะสำหรับการผสมสี Epoxy ในพื้นที่ขนาดเล็กหรือปริมาณน้อย
-
- เครื่องผสมสีแบบสว่าน เหมาะสำหรับการผสมสี Epoxy ในพื้นที่ขนาดใหญ่หรือปริมาณมาก
เครื่องผสมสีแบบไฟฟ้าทำงานโดยใช้มอเตอร์หมุนใบพัด ซึ่งจะทำให้เกิดการเคลื่อนที่ของสี Epoxy อย่างรวดเร็ว ช่วยให้สี Epoxy เข้ากันได้ดียิ่งขึ้น
เครื่องผสมสีแบบสว่านทำงานโดยใช้มอเตอร์หมุนใบมีด ซึ่งจะทำให้เกิดการเคลื่อนที่ของสี Epoxy อย่างรวดเร็ว ช่วยให้สี Epoxy เข้ากันได้ดียิ่งขึ้น โดยเครื่องผสมสีแบบสว่านนั้นสามารถติดตั้งเข้ากับสว่านไฟฟ้าได้ ทำให้สะดวกในการเคลื่อนย้าย
ขั้นตอนการผสมสี Epoxy ด้วยเครื่องผสมสี มีดังนี้
-
- เตรียมสี Epoxy ตามอัตราส่วนที่กำหนด
-
- เทสี Epoxy ลงในถังผสมสี
-
- ติดตั้งใบพัดหรือใบมีดเข้ากับเครื่องผสมสี
-
- ปรับความเร็วของเครื่องผสมสีให้เหมาะสม
-
- ผสมสี Epoxy ให้เข้ากัน โดยผสมเป็นบริเวณกว้างๆ เพื่อให้สี Epoxy กระจายตัวได้อย่างทั่วถึง
-
- ตรวจสอบความสม่ำเสมอของสี Epoxy หากสี Epoxy ไม่สม่ำเสมอ อาจปรับระดับความเร็วของเครื่องผสมสีหรือผสมสี Epoxy ใหม่
ข้อควรระวังในการใช้เครื่องผสมสี
การใช้เครื่องผสมสีควรปฏิบัติตามคำแนะนำของผู้ผลิตอย่างเคร่งครัด เพื่อความปลอดภัยในการปฏิบัติงานและเพื่อป้องกันความเสียหายต่อเครื่องผสมสี โดยข้อควรระวังในการใช้เครื่องผสมสี มีดังนี้
-
- ควรสวมอุปกรณ์ป้องกันความปลอดภัย เช่น แว่นตานิรภัย ถุงมือ และรองเท้านิรภัย
-
- ควรปรับความเร็วของเครื่องผสมสีให้เหมาะสมกับปริมาณสี Epoxy ที่ต้องการผสม
-
- ควรผสมสี Epoxy ให้เข้ากันจนไม่มีฟองอากาศ
-
- ควรทำความสะอาดเครื่องผสมสีให้สะอาดหลังใช้งาน
ประเภทของเครื่องผสมสี
เครื่องผสมสีสามารถแบ่งออกเป็นประเภทต่างๆ ตามแหล่งกำเนิดกำลังได้ดังนี้
-
- เครื่องผสมสีแบบไฟฟ้า ใช้แหล่งกำเนิดกำลังจากไฟฟ้า
-
- เครื่องผสมสีแบบแบตเตอรี่ ใช้แหล่งกำเนิดกำลังจากแบตเตอรี่
เครื่องผสมสีแบบไฟฟ้าเป็นที่นิยมใช้กันมากที่สุด เนื่องจากมีกำลังแรงและสามารถผสมสี Epoxy ได้ปริมาณมาก อย่างไรก็ตาม เครื่องผสมสีแบบไฟฟ้าอาจทำให้เกิดความร้อนได้ จึงควรระมัดระวังในการใช้งานได้
เครื่องผสมสีแบบแบตเตอรี่เหมาะสำหรับการใช้งานในพื้นที่ที่ไม่มีไฟฟ้า หรือต้องการความสะดวกในการเคลื่อนย้าย อย่างไรก็ตาม เครื่องผสมสีแบบแบตเตอรี่อาจมีกำลังแรงน้อยกว่าเครื่องผสมสีแบบไฟฟ้า
5.เกรียงอีพ็อกซี่
เกรียงอีพ็อกซี่ เป็นเครื่องมือและอุปกรณ์ที่ใช้ในการเกลี่ยสี Epoxy ให้เรียบเนียน โดยเกรียงอีพ็อกซี่มีให้เลือกหลายประเภท ขึ้นอยู่กับขนาดของพื้นที่ที่ต้องการเกลี่ยและระดับความเรียบที่ต้องการ โดยเกรียงอีพ็อกซี่ที่นิยมใช้กัน ได้แก่
-
- เกรียงฟันเลื่อย ใช้สำหรับเกลี่ยสี Epoxy ในพื้นที่ขนาดใหญ่หรือปริมาณมาก
-
- เกรียงฟันร่อง ใช้สำหรับเกลี่ยสี Epoxy ในพื้นที่ขนาดเล็กหรือปริมาณน้อย
เกรียงฟันเลื่อยมีฟันขนาดเล็กและถี่ ช่วยให้เกลี่ยสี Epoxy ให้เรียบเนียน เหมาะสำหรับการเกลี่ยสี Epoxy ในพื้นที่ขนาดใหญ่หรือปริมาณมาก
เกรียงฟันร่องมีฟันขนาดใหญ่และห่าง ช่วยให้เกลี่ยสี Epoxy ให้เรียบเนียน เหมาะสำหรับการเกลี่ยสี Epoxy ในพื้นที่ขนาดเล็กหรือปริมาณน้อย
ขั้นตอนการเกลี่ยสี Epoxy ด้วยเกรียงอีพ็อกซี่ มีดังนี้
-
- เทสี Epoxy ลงบนพื้นคอนกรีต
-
- ใช้เกรียงฟันเลื่อยหรือเกรียงฟันร่องเกลี่ยสี Epoxy ให้ทั่วถึง โดยเกลี่ยเป็นบริเวณกว้างๆ เพื่อให้สี Epoxy กระจายตัวได้อย่างทั่วถึง
-
- ตรวจสอบความเรียบของพื้นผิวสี Epoxy หากพื้นผิวสี Epoxy ไม่เรียบ อาจใช้เกรียงฟันเลื่อยหรือเกรียงฟันร่องเกลี่ยอีกครั้ง
ข้อควรระวังในการใช้เกรียงอีพ็อกซี่
การใช้เกรียงอีพ็อกซี่ควรปฏิบัติตามคำแนะนำของผู้ผลิตอย่างเคร่งครัด เพื่อความปลอดภัยในการปฏิบัติงานและเพื่อป้องกันความเสียหายต่อพื้นผิวสี Epoxy โดยข้อควรระวังในการใช้เกรียงอีพ็อกซี่ มีดังนี้
-
- ควรสวมอุปกรณ์ป้องกันความปลอดภัย เช่น แว่นตานิรภัย ถุงมือ และรองเท้านิรภัย
-
- ควรเกลี่ยสี Epoxy ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ เนื่องจากสี Epoxy จะแข็งตัวอย่างรวดเร็ว
-
- ควรทำความสะอาดเกรียงอีพ็อกซี่ให้สะอาดหลังใช้งาน
6. ลูกกลิ้งอีพ็อกซี่
ลูกกลิ้งอีพ็อกซี่ เป็นเครื่องมือและอุปกรณ์ที่ใช้ในการกลิ้งสี Epoxy ให้เรียบเนียน โดยลูกกลิ้งอีพ็อกซี่มีให้เลือกหลายประเภท ขึ้นอยู่กับขนาดของพื้นที่ที่ต้องการกลิ้งและระดับความเรียบที่ต้องการ โดยลูกกลิ้งอีพ็อกซี่ที่นิยมใช้กัน ได้แก่
-
- ลูกกลิ้งขนสั้น ใช้สำหรับกลิ้งสี Epoxy ในพื้นที่ขนาดใหญ่หรือปริมาณมาก
-
- ลูกกลิ้งขนยาว ใช้สำหรับกลิ้งสี Epoxy ในพื้นที่ขนาดเล็กหรือปริมาณน้อย
ลูกกลิ้งขนสั้นช่วยให้กลิ้งสี Epoxy ให้เรียบเนียน เหมาะสำหรับการกลิ้งสี Epoxy ในพื้นที่ขนาดใหญ่หรือปริมาณมาก
ลูกกลิ้งขนยาวช่วยให้กลิ้งสี Epoxy ให้เรียบเนียน เหมาะสำหรับการกลิ้งสี Epoxy ในพื้นที่ขนาดเล็กหรือปริมาณน้อย
ขั้นตอนการกลิ้งสี Epoxy ด้วยลูกกลิ้งอีพ็อกซี่ มีดังนี้
-
- เทสี Epoxy ลงบนพื้นคอนกรีต
-
- ชุบน้ำลูกกลิ้งอีพ็อกซี่ให้หมาด
-
- กลิ้งสี Epoxy ให้ทั่วถึง โดยกลิ้งเป็นบริเวณกว้างๆ เพื่อให้สี Epoxy กระจายตัวได้อย่างทั่วถึง
-
- ตรวจสอบความเรียบของพื้นผิวสี Epoxy หากพื้นผิวสี Epoxy ไม่เรียบ อาจใช้เกรียงฟันเลื่อยหรือเกรียงฟันร่องเกลี่ยอีกครั้ง
ข้อควรระวังในการใช้ลูกกลิ้งอีพ็อกซี่
การใช้ลูกกลิ้งอีพ็อกซี่ควรปฏิบัติตามคำแนะนำของผู้ผลิตอย่างเคร่งครัด เพื่อความปลอดภัยในการปฏิบัติงานและเพื่อป้องกันความเสียหายต่อพื้นผิวสี Epoxy โดยข้อควรระวังในการใช้ลูกกลิ้งอีพ็อกซี่ มีดังนี้
-
- ควรสวมอุปกรณ์ป้องกันความปลอดภัย เช่น แว่นตานิรภัย ถุงมือ และรองเท้านิรภัย
-
- ควรกลิ้งสี Epoxy ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ เนื่องจากสี Epoxy จะแข็งตัวอย่างรวดเร็ว
-
- ควรทำความสะอาดลูกกลิ้งอีพ็อกซี่ให้สะอาดหลังใช้งาน
ประเภทของลูกกลิ้งอีพ็อกซี่
ลูกกลิ้งอีพ็อกซี่สามารถแบ่งออกเป็นประเภทต่างๆ ตามความยาวของขนได้ดังนี้
-
- ลูกกลิ้งขนสั้น มีขนสั้นประมาณ 6-10 มิลลิเมตร
-
- ลูกกลิ้งขนยาว มีขนยาวประมาณ 12-18 มิลลิเมตร
ลูกกลิ้งอีพ็อกซี่แต่ละประเภทมีจุดเด่นและจุดด้อยแตกต่างกัน ควรเลือกใช้ลูกกลิ้งอีพ็อกซี่ให้เหมาะสมกับพื้นที่ที่ต้องการกลิ้งและระดับความเรียบที่ต้องการ
7. รองเท้าตะปู ใช้สำหรับไล่ฟองอากาศในสี Epoxy
รองเท้าตะปู เป็นเครื่องมือและอุปกรณ์ที่ใช้ในการไล่ฟองอากาศในสี Epoxy โดยรองเท้าตะปูจะประกอบด้วยตะปูขนาดเล็กจำนวนมากที่ฝังอยู่ใต้พื้นรองเท้า ตะปูขนาดเล็กเหล่านี้จะทำหน้าที่ช่วยดันฟองอากาศให้ลอยขึ้นมาสู่ผิวของสี Epoxy ทำให้ฟองอากาศหลุดออกจากสี Epoxy และลอยขึ้นมาสู่ผิวของสี Epoxy ก่อนที่จะแข็งตัว
รองเท้าตะปูเป็นอุปกรณ์ที่จำเป็นในการไล่ฟองอากาศในสี Epoxy เนื่องจากฟองอากาศในสี Epoxy อาจทำให้พื้นผิวของสี Epoxy ไม่เรียบเนียน และอาจทำให้สี Epoxy หลุดร่อนได้
ขั้นตอนการไล่ฟองอากาศในสี Epoxy ด้วยรองเท้าตะปู มีดังนี้
-
- เทสี Epoxy ลงบนพื้นคอนกรีต
-
- ปล่อยให้สี Epoxy เซ็ตตัวเล็กน้อยจนเริ่มจับตัวเป็นก้อน
-
- สวมรองเท้าตะปูเดินบนพื้นผิวสี Epoxy โดยเดินเป็นบริเวณกว้างๆ
-
- ตรวจสอบพื้นผิวสี Epoxy หากพบฟองอากาศลอยขึ้นมาให้ใช้เกรียงฟันเลื่อยหรือเกรียงฟันร่องเกลี่ยออก
ข้อควรระวังในการใช้รองเท้าตะปู
การใช้รองเท้าตะปูควรปฏิบัติตามคำแนะนำของผู้ผลิตอย่างเคร่งครัด เพื่อความปลอดภัยในการปฏิบัติงานและเพื่อป้องกันความเสียหายต่อพื้นผิวสี Epoxy โดยข้อควรระวังในการใช้รองเท้าตะปู มีดังนี้
-
- ควรสวมอุปกรณ์ป้องกันความปลอดภัย เช่น แว่นตานิรภัย ถุงมือ และรองเท้านิรภัย
-
- ควรเดินบนพื้นผิวสี Epoxy อย่างระมัดระวัง เนื่องจากรองเท้าตะปูอาจทำให้พื้นผิวสี Epoxy เสียหายได้
-
- ควรทำความสะอาดรองเท้าตะปูให้สะอาดหลังใช้งาน
ประเภทของรองเท้าตะปู
รองเท้าตะปูสามารถแบ่งออกเป็นประเภทต่างๆ ตามจำนวนของตะปูได้ดังนี้
-
- รองเท้าตะปูแบบธรรมดา มีตะปูฝังอยู่ประมาณ 200-300 ตะปู
-
- รองเท้าตะปูแบบพิเศษ มีตะปูฝังอยู่ประมาณ 500-1000 ตะปู
รองเท้าตะปูแต่ละประเภทมีจุดเด่นและจุดด้อยแตกต่างกัน ควรเลือกใช้รองเท้าตะปูให้เหมาะสมกับขนาดของพื้นที่ที่ต้องการไล่ฟองอากาศ
8. Wet Film Thickness Gauge ใช้สำหรับวัดความหนาของฟิล์มสี Epoxy
Wet Film Thickness Gauge เป็นเครื่องมือและอุปกรณ์ที่ใช้ในการวัดความหนาของฟิล์มสี Epoxy โดยเครื่องมือนี้จะประกอบด้วยตัววัดความหนา ด้ามจับ และใบมีด ใบมีดจะทำหน้าที่ตัดฟิล์มสี Epoxy ออกเป็นชิ้นเล็กๆ จากนั้นตัววัดความหนาจะวัดความหนาของชิ้นฟิล์มสี Epoxy ที่ตัดออกมา
Wet Film Thickness Gauge เป็นอุปกรณ์ที่จำเป็นในการวัดความหนาของฟิล์มสี Epoxy เนื่องจากความหนาของฟิล์มสี Epoxy มีผลต่อคุณสมบัติของพื้นผิวสี Epoxy เช่น ความแข็งแรง ความทนทาน และการยึดเกาะ
ขั้นตอนการวัดความหนาของฟิล์มสี Epoxy ด้วย Wet Film Thickness Gauge มีดังนี้
-
- เตรียมตัววัดความหนา ด้ามจับ และใบมีดให้พร้อม
-
- ทำความสะอาดพื้นผิวของสี Epoxy ที่ต้องการวัดความหนา
-
- วางใบมีดลงบนพื้นผิวของสี Epoxy ที่ต้องการวัดความหนา
-
- กดลงบนใบมีดอย่างระมัดระวังจนใบมีดตัดฟิล์มสี Epoxy ออกเป็นชิ้นเล็กๆ
-
- วางชิ้นฟิล์มสี Epoxy ที่ตัดออกมาบนตัววัดความหนา
-
- อ่านค่าความหนาของฟิล์มสี Epoxy จากตัววัดความหนา
ข้อควรระวังในการใช้ Wet Film Thickness Gauge
การใช้ Wet Film Thickness Gauge ควรปฏิบัติตามคำแนะนำของผู้ผลิตอย่างเคร่งครัด เพื่อความปลอดภัยในการปฏิบัติงานและเพื่อป้องกันความเสียหายต่อพื้นผิวสี Epoxy โดยข้อควรระวังในการใช้ Wet Film Thickness Gauge มีดังนี้
-
- ควรสวมอุปกรณ์ป้องกันความปลอดภัย เช่น แว่นตานิรภัย ถุงมือ และรองเท้านิรภัย
-
- ควรกดลงบนใบมีดอย่างระมัดระวัง ไม่ให้เกิดความเสียหายต่อพื้นผิวสี Epoxy
-
- ควรอ่านค่าความหนาของฟิล์มสี Epoxy ให้ถูกต้องตามค่าที่ระบุบนตัววัดความหนา
ประเภทของ Wet Film Thickness Gauge
Wet Film Thickness Gauge สามารถแบ่งออกเป็นประเภทต่างๆ ตามหลักการทำงานได้ดังนี้
-
- แบบก้านวัด (Dial Gauge) ใช้หลักการวัดความหนาของชิ้นฟิล์มสี Epoxy ที่ตัดออกมาด้วยก้านวัด
-
- แบบดิจิตอล (Digital Gauge) ใช้หลักการวัดความหนาของชิ้นฟิล์มสี Epoxy ที่ตัดออกมาด้วยเซ็นเซอร์และแสดงผลค่าความหนาแบบดิจิตอล
Wet Film Thickness Gauge แต่ละประเภทมีจุดเด่นและจุดด้อยแตกต่างกัน ควรเลือกใช้ Wet Film Thickness Gauge ให้เหมาะสมกับความต้องการ
9.เครื่องฉีดพื้น Epoxy
เครื่องฉีดพื้น Epoxy เป็นเครื่องมือและอุปกรณ์ที่ใช้ในการฉีดพื้น Epoxy ในพื้นที่ขนาดใหญ่ โดยเครื่องฉีดพื้น Epoxy จะใช้หัวฉีดแรงดันสูงในการฉีดสี Epoxy ลงไปบนพื้นคอนกรีต ทำให้สี Epoxy กระจายตัวได้อย่างทั่วถึงและสม่ำเสมอ
เครื่องฉีดพื้น Epoxy เหมาะสำหรับการฉีดพื้น Epoxy ในพื้นที่ขนาดใหญ่ เช่น โรงงานอุตสาหกรรม ลานจอดรถ โกดังเก็บสินค้า เป็นต้น เนื่องจากสามารถฉีดพื้น Epoxy ได้รวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากกว่าการทาสี Epoxy ด้วยเกรียงหรือลูกกลิ้ง
ขั้นตอนการฉีดพื้น Epoxy ด้วยเครื่องฉีดพื้น Epoxy มีดังนี้
-
- เตรียมพื้นผิวคอนกรีตให้พร้อม โดยทำความสะอาดพื้นผิวคอนกรีตให้สะอาดปราศจากฝุ่นผง คราบน้ำมัน และคราบสกปรก
-
- ผสมสี Epoxy ตามอัตราส่วนที่กำหนด
-
- ติดตั้งหัวฉีดแรงดันสูงเข้ากับเครื่องฉีดพื้น Epoxy
-
- ปรับระดับความดันอากาศให้เหมาะสม
-
- ฉีดสี Epoxy ลงบนพื้นคอนกรีต โดยฉีดเป็นบริเวณกว้างๆ เพื่อให้สี Epoxy กระจายตัวได้อย่างทั่วถึง
ข้อควรระวังในการใช้เครื่องฉีดพื้น Epoxy
การใช้เครื่องฉีดพื้น Epoxy ควรปฏิบัติตามคำแนะนำของผู้ผลิตอย่างเคร่งครัด เพื่อความปลอดภัยในการปฏิบัติงานและเพื่อป้องกันความเสียหายต่อพื้นผิวคอนกรีต โดยข้อควรระวังในการใช้เครื่องฉีดพื้น Epoxy มีดังนี้
-
- ควรสวมอุปกรณ์ป้องกันความปลอดภัย เช่น แว่นตานิรภัย ถุงมือ และรองเท้านิรภัย
-
- ควรตรวจสอบสภาพของเครื่องฉีดพื้น Epoxy ให้อยู่ในสภาพพร้อมใช้งานก่อนใช้งาน
-
- ควรปรับระดับความดันอากาศให้เหมาะสมกับปริมาณสี Epoxy ที่ต้องการฉีด
-
- ควรฉีดสี Epoxy เป็นบริเวณกว้างๆ เพื่อให้สี Epoxy กระจายตัวได้อย่างทั่วถึง
ประเภทของเครื่องฉีดพื้น Epoxy
เครื่องฉีดพื้น Epoxy สามารถแบ่งออกเป็นประเภทต่างๆ ตามแรงดันอากาศได้ดังนี้
-
- เครื่องฉีดพื้น Epoxy แบบแรงดันต่ำ ใช้แรงดันอากาศประมาณ 10-30 บาร์
-
- เครื่องฉีดพื้น Epoxy แบบแรงดันสูง ใช้แรงดันอากาศประมาณ 30-100 บาร์
เครื่องฉีดพื้น Epoxy แต่ละประเภทมีจุดเด่นและจุดด้อยแตกต่างกัน ควรเลือกใช้เครื่องฉีดพื้น Epoxy ให้เหมาะสมกับความต้องการ
10. เครื่องพิมพ์ลายพื้น Epoxy
เครื่องพิมพ์ลายพื้น Epoxy เป็นเครื่องมือและอุปกรณ์ที่ใช้ในการพิมพ์ลายบนพื้น Epoxy โดยเครื่องพิมพ์ลายพื้น Epoxy จะใช้หัวฉีดแรงดันสูงในการฉีดสี Epoxy ลงไปบนแม่พิมพ์ลาย ทำให้สี Epoxy ลอกเลียนแบบลวดลายของแม่พิมพ์ลาย
เครื่องพิมพ์ลายพื้น Epoxy เหมาะสำหรับการพิมพ์ลายบนพื้น Epoxy ในพื้นที่ขนาดเล็ก เช่น ลานจอดรถ ทางเดิน พื้นห้องน้ำ เป็นต้น เนื่องจากสามารถพิมพ์ลายบนพื้น Epoxy ได้สวยงามและสม่ำเสมอ
ขั้นตอนการพิมพ์ลายพื้น Epoxy ด้วยเครื่องพิมพ์ลายพื้น Epoxy มีดังนี้
-
- เตรียมพื้นผิวคอนกรีตให้พร้อม โดยทำความสะอาดพื้นผิวคอนกรีตให้สะอาดปราศจากฝุ่นผง คราบน้ำมัน และคราบสกปรก
-
- ผสมสี Epoxy ตามอัตราส่วนที่กำหนด
-
- ติดตั้งแม่พิมพ์ลายเข้ากับเครื่องพิมพ์ลายพื้น Epoxy
-
- ปรับระดับความดันอากาศให้เหมาะสม
-
- ฉีดสี Epoxy ลงบนแม่พิมพ์ลาย โดยฉีดเป็นบริเวณกว้างๆ เพื่อให้สี Epoxy กระจายตัวได้อย่างทั่วถึง
ข้อควรระวังในการใช้เครื่องพิมพ์ลายพื้น Epoxy
การใช้เครื่องพิมพ์ลายพื้น Epoxy ควรปฏิบัติตามคำแนะนำของผู้ผลิตอย่างเคร่งครัด เพื่อความปลอดภัยในการปฏิบัติงานและเพื่อป้องกันความเสียหายต่อพื้นผิวคอนกรีต โดยข้อควรระวังในการใช้เครื่องพิมพ์ลายพื้น Epoxy มีดังนี้
-
- ควรสวมอุปกรณ์ป้องกันความปลอดภัย เช่น แว่นตานิรภัย ถุงมือ และรองเท้านิรภัย
-
- ควรตรวจสอบสภาพของเครื่องพิมพ์ลายพื้น Epoxy ให้อยู่ในสภาพพร้อมใช้งานก่อนใช้งาน
-
- ควรปรับระดับความดันอากาศให้เหมาะสมกับปริมาณสี Epoxy ที่ต้องการฉีด
-
- ควรฉีดสี Epoxy เป็นบริเวณกว้างๆ เพื่อให้สี Epoxy กระจายตัวได้อย่างทั่วถึง
ประเภทของเครื่องพิมพ์ลายพื้น Epoxy
เครื่องพิมพ์ลายพื้น Epoxy สามารถแบ่งออกเป็นประเภทต่างๆ ตามแรงดันอากาศได้ดังนี้
-
- เครื่องพิมพ์ลายพื้น Epoxy แบบแรงดันต่ำ ใช้แรงดันอากาศประมาณ 10-30 บาร์
-
- เครื่องพิมพ์ลายพื้น Epoxy แบบแรงดันสูง ใช้แรงดันอากาศประมาณ 30-100 บาร์
เครื่องพิมพ์ลายพื้น Epoxy แต่ละประเภทมีจุดเด่นและจุดด้อยแตกต่างกัน ควรเลือกใช้เครื่องพิมพ์ลายพื้น Epoxy ให้เหมาะสมกับความต้องการ
ประเภทของแม่พิมพ์ลายพื้น Epoxy
แม่พิมพ์ลายพื้น Epoxy สามารถแบ่งออกเป็นประเภทต่างๆ ตามวัสดุที่ใช้ทำแม่พิมพ์ได้ดังนี้
-
- แม่พิมพ์ลายพื้น Epoxy แบบยาง ผลิตจากยางสังเคราะห์หรือยางธรรมชาติ เหมาะสำหรับการพิมพ์ลายพื้น Epoxy ขนาดเล็กและกลาง
-
- แม่พิมพ์ลายพื้น Epoxy แบบพลาสติก ผลิตจากพลาสติกแข็งหรือพลาสติกอ่อน เหมาะสำหรับการพิมพ์ลายพื้น Epoxy ขนาดใหญ่
-
- แม่พิมพ์ลายพื้น Epoxy แบบโลหะ ผลิตจากโลหะ เช่น เหล็กหรือสแตนเลส เหมาะสำหรับการพิมพ์ลายพื้น Epoxy ที่มีขนาดใหญ่เป็นพิเศษ
แม่พิมพ์ลายพื้น Epoxy แต่ละประเภทมีจุดเด่นและจุดด้อยแตกต่างกัน ควรเลือกใช้แม่พิมพ์ลายพื้น Epoxy ให้เหมาะสมกับความต้องการ
11. เครื่องฝังหินหรือโลหะบนพื้น Epoxy
เครื่องฝังหินหรือโลหะบนพื้น Epoxy เป็นเครื่องมือและอุปกรณ์ที่ใช้ในการฝังหินหรือโลหะบนพื้น Epoxy โดยเครื่องฝังหินหรือโลหะบนพื้น Epoxy จะใช้หัวฉีดแรงดันสูงในการฉีดสี Epoxy ลงไปบนพื้นคอนกรีต จากนั้นหัวฉีดจะใช้แรงดันสูงดันหินหรือโลหะลงไปบนพื้นผิวสี Epoxy ทำให้หินหรือโลหะฝังแน่นอยู่บนพื้นผิวสี Epoxy
เครื่องฝังหินหรือโลหะบนพื้น Epoxy เหมาะสำหรับการฝังหินหรือโลหะบนพื้น Epoxy ในพื้นที่ขนาดเล็ก เช่น ลานจอดรถ ทางเดิน พื้นห้องน้ำ เป็นต้น เนื่องจากสามารถฝังหินหรือโลหะบนพื้น Epoxy ได้สวยงามและสม่ำเสมอ
ขั้นตอนการฝังหินหรือโลหะบนพื้น Epoxy ด้วยเครื่องฝังหินหรือโลหะบนพื้น Epoxy มีดังนี้
-
- เตรียมพื้นผิวคอนกรีตให้พร้อม โดยทำความสะอาดพื้นผิวคอนกรีตให้สะอาดปราศจากฝุ่นผง คราบน้ำมัน และคราบสกปรก
-
- ผสมสี Epoxy ตามอัตราส่วนที่กำหนด
-
- ติดตั้งหินหรือโลหะบนพื้นผิวคอนกรีต
-
- ติดตั้งหัวฉีดแรงดันสูงเข้ากับเครื่องฝังหินหรือโลหะบนพื้น Epoxy
-
- ปรับระดับความดันอากาศให้เหมาะสม
-
- ฉีดสี Epoxy ลงบนพื้นผิวคอนกรีต โดยฉีดเป็นบริเวณกว้างๆ เพื่อให้สี Epoxy กระจายตัวได้อย่างทั่วถึง
ข้อควรระวังในการใช้เครื่องฝังหินหรือโลหะบนพื้น Epoxy
การใช้เครื่องฝังหินหรือโลหะบนพื้น Epoxy ควรปฏิบัติตามคำแนะนำของผู้ผลิตอย่างเคร่งครัด เพื่อความปลอดภัยในการปฏิบัติงานและเพื่อป้องกันความเสียหายต่อพื้นผิวคอนกรีต โดยข้อควรระวังในการใช้เครื่องฝังหินหรือโลหะบนพื้น Epoxy มีดังนี้
-
- ควรสวมอุปกรณ์ป้องกันความปลอดภัย เช่น แว่นตานิรภัย ถุงมือ และรองเท้านิรภัย
-
- ควรตรวจสอบสภาพของเครื่องฝังหินหรือโลหะบนพื้น Epoxy ให้อยู่ในสภาพพร้อมใช้งานก่อนใช้งาน
-
- ควรปรับระดับความดันอากาศให้เหมาะสมกับปริมาณสี Epoxy ที่ต้องการฉีด
-
- ควรฉีดสี Epoxy เป็นบริเวณกว้างๆ เพื่อให้สี Epoxy กระจายตัวได้อย่างทั่วถึง
ประเภทของเครื่องฝังหินหรือโลหะบนพื้น Epoxy
เครื่องฝังหินหรือโลหะบนพื้น Epoxy สามารถแบ่งออกเป็นประเภทต่างๆ ตามแรงดันอากาศได้ดังนี้
-
- เครื่องฝังหินหรือโลหะบนพื้น Epoxy แบบแรงดันต่ำ ใช้แรงดันอากาศประมาณ 10-30 บาร์
-
- เครื่องฝังหินหรือโลหะบนพื้น Epoxy แบบแรงดันสูง ใช้แรงดันอากาศประมาณ 30-100 บาร์
เครื่องฝังหินหรือโลหะบนพื้น Epoxy แต่ละประเภทมีจุดเด่นและด้อยแตกต่างกัน ควรเลือกใช้เครื่องฝังหินหรือโลหะบนพื้น Epoxy ให้เหมาะสมกับความต้องการ
ประเภทของหินหรือโลหะที่ใช้ฝังบนพื้น Epoxy
หินหรือโลหะที่ใช้ฝังบนพื้น Epoxy สามารถแบ่งออกเป็นประเภทต่างๆ ตามคุณสมบัติของหินหรือโลหะได้ดังนี้
-
- หินธรรมชาติ เช่น หินอ่อน หินแกรนิต หินทราย เป็นต้น
-
- หินเทียม เช่น หินควอทซ์ หินสังเคราะห์ เป็นต้น
-
- โลหะ เช่น เหล็ก สแตนเลส ทองเหลือง เป็นต้น